6 ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเสียภาษีบุคคลธรรมดาที่หลายคนไม่รู้

การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด. 90/91) เป็นหน้าที่สำคัญของผู้มีรายได้ทุกคน แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่ามีผู้เสียภาษีจำนวนไม่น้อยที่ทำผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งความผิดพลาดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เสียสิทธิ์ในการประหยัดภาษี แต่ยังอาจนำไปสู่เบี้ยปรับและเงินเพิ่มที่ไม่จำเป็นอีกด้วย ดังนั้น เพื่อให้การเสียภาษีบุคคลธรรมดาของคุณรัดกุมและถูกต้องตามกฎหมาย ลองมาสำรวจ 6 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยซึ่งหลายคนอาจมองข้ามไป

การเสียภาษีบุคคลธรรมดา

1. เข้าใจผิดว่า “ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย” เท่ากับ “ยื่นภาษีแล้ว”

นี่คือความเข้าใจผิดอันดับต้น ๆ การถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) เป็นเพียงการทยอยนำส่งภาษีล่วงหน้าให้กับกรมสรรพากรเท่านั้น ยังไม่ใช่การเสียภาษีบุคคลธรรมดาที่แท้จริงตามภาระภาษีของคุณ เมื่อสิ้นปีภาษี คุณยังคงมีหน้าที่ต้องนำ “รายได้ทั้งหมด” จากทุกแหล่ง (ทั้งที่ถูกหักและไม่ถูกหักภาษี) มารวมคำนวณในแบบ ภ.ง.ด. 90 หรือ 91 เพื่อสรุปยอดภาษีที่แท้จริง

หากภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย สูงกว่า ภาระภาษีจริง คุณมีสิทธิ์ขอคืนเงินส่วนต่างนั้นได้ แต่หาก ต่ำกว่า คุณต้องชำระภาษีเพิ่มเติม การไม่ยื่นแบบฯ ถือเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งมีโทษปรับตามกฎหมาย

2. แสดงรายได้ไม่ครบถ้วน ละเลยเงินได้ประเภทอื่น

หลายคนมักนึกถึงแค่เงินเดือน (เงินได้ประเภทที่ 1) แต่ลืมไปว่ากฎหมายกำหนดให้ต้องนำรายได้พึงประเมินทุกประเภทมารวมคำนวณภาษีด้วย ซึ่งรวมถึง:

  • รายได้จากงานฟรีแลนซ์/รับจ้างทั่วไป (เงินได้ประเภทที่ 2)
  • รายได้จากทรัพย์สิน เช่น ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล (เงินได้ประเภทที่ 4, 5)
  • รายได้จากการขายของออนไลน์ (เงินได้ประเภทที่ 8)
  • ผลประโยชน์อื่นๆ ที่นายจ้างให้ เช่น ค่าที่พัก ค่าน้ำมันรถ ที่บริษัทจ่ายให้ซึ่งไม่เข้าข้อยกเว้นทางภาษี สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมารวมคำนวณด้วยเช่นกัน

กรมสรรพากรสามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายขึ้น การแสดงรายได้ไม่ครบถ้วนจึงมีความเสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบย้อนหลังสูง

3. ใช้สิทธิลดหย่อนผิดเงื่อนไข

ค่าลดหย่อนเป็นเครื่องมือช่วยประหยัดภาษีที่ดีเยี่ยม แต่ต้องใช้อย่างถูกต้องตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือ:

  • ลดหย่อนบิดามารดา: บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท การใช้สิทธิ์นี้ต้องไม่มีพี่น้องคนอื่นใช้สิทธิ์ซ้ำซ้อน
  • ลดหย่อนบุตร: บุตรต้องมีอายุไม่เกิน 25 ปีและยังศึกษาอยู่ หรือเป็นผู้เยาว์ หรือเป็นบุคคลไร้ความสามารถ/เสมือนไร้ความสามารถ และมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท (ยกเว้นเงินได้ที่ได้รับยกเว้น)
  • เบี้ยประกัน: ต้องตรวจสอบว่าเป็นเบี้ยประกันประเภทที่สามารถลดหย่อนได้ตามเงื่อนไขหรือไม่ เช่น ประกันชีวิตต้องมีกรมธรรม์ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป

การใช้สิทธิ์ลดหย่อนผิดเงื่อนไข เมื่อถูกตรวจสอบพบ จะต้องทำการเสียภาษีบุคคลธรรมดาคืนพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

4. เลือกหักค่าใช้จ่ายผิดประเภทเงินได้

เงินได้แต่ละประเภทมีวิธีการหักค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน คือ “การหักแบบเหมา” และ “การหักตามจริง” ความผิดพลาดคือการนำค่าใช้จ่ายตามจริงมาหักกับเงินได้ที่กฎหมายให้หักได้เฉพาะแบบเหมา หรือในทางกลับกัน

  • เงินได้ประเภทที่ 1 และ 2 (เงินเดือน, ค่าจ้างฟรีแลนซ์): หักค่าใช้จ่ายได้แบบเหมา 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้น ไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายตามจริงมาหักได้
  • เงินได้ประเภทที่ 8 (ขายของออนไลน์, ธุรกิจส่วนตัว): สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา (ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด) หรือหักตามความจำเป็นและสมควร (ตามจริง) โดยต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายครบถ้วน

การเลือกวิธีหักค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและถูกต้องจะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้อย่างมีนัยสำคัญ

5. ยื่นแบบฯ ล่าช้า เพราะคิดว่าไม่มีภาษีต้องชำระ

แม้ว่าคำนวณแล้วไม่มีภาระภาษีที่ต้องชำระ (ภาษีเป็นศูนย์) แต่หากคุณมีรายได้รวมทั้งปีเกินเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น คนโสดมีรายได้จากเงินเดือนเกิน 120,000 บาท) คุณยังคงมี “หน้าที่” ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเวลาที่กำหนด

การไม่ยื่นแบบฯ หรือยื่นล่าช้าเกินกำหนด แม้จะไม่มีภาษีต้องเสีย ก็ยังมีโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท (อาจขอลดหย่อนได้) ดังนั้น ควรยื่นแบบฯ ให้ตรงเวลาเสมอ

6. ไม่ปรับปรุงข้อมูลความรู้ด้านภาษี

กฎหมายและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเสียภาษีบุคคลธรรมดา โดยเฉพาะรายการค่าลดหย่อน มีการเปลี่ยนแปลงและอัปเดตอยู่เสมอ เช่น โครงการช้อปปิ้งเพื่อลดหย่อนภาษี หรือการปรับปรุงเงื่อนไขของกองทุน SSF/RMF การใช้ความรู้เก่าๆ ในการยื่นภาษีอาจทำให้คุณพลาดสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ หรือใช้สิทธิ์ที่ถูกยกเลิกไปแล้วได้ การติดตามข่าวสารจากกรมสรรพากรหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น

การวางแผนภาษีที่ดีเริ่มต้นจากการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเสียภาษีบุคคลธรรมดาที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดพื้นฐานเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างครบถ้วน แต่ยังเป็นการรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีของคุณอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วย