มะเร็งตับ โรคร้ายอันตรายถึงชีวิต

มะเร็งตับ เป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่มีความร้ายแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นมาจากการที่เซลล์การทำงานภายในตับมีการเจริญเติบโตขึ้นมาในรูปทรงที่ผิดปกติ จนกลายมาเป็นเนื้องอกร้าย หรือที่เรียกกันว่า มะเร็งเซลล์ตับ ซึ่งถ้าหากเนื้องอกดังกล่าวเกิดขึ้นจากเซลล์บุท่อน้ำดีเจริญเติบโตขึ้นมาในรูปแบบที่ผิดปกติ มะเร็งชนิดดังกล่าวจะเรียกว่า มะเร็งท่อน้ำดี แต่ในขณะเดียวกัน ที่เนื้องอกร้ายในเนื้อตับของผู้ป่วยบางรายจะเกิดอาการที่เกิดขึ้นมาจาก เซลล์มะเร็งที่มีต้นกำเนิดภายในอวัยวะอื่น ที่ได้ทำการแพร่กระจายมายังตับ โดยมะเร็งกลุ่มนี้ ก็จะเรียกว่า มะเร็งตับแพร่กระจาย ซึ่งถือว่ามีปัจจัยหลายอย่างเป็นอย่างมากที่ส่งผลโดยตรงต่อการเป็น มะเร็งตับ ซึ่งอาจจะมีต้นตอมาจากเซลล์มะเร็งต่าง ๆ ภายในร่างกาย

สาเหตุของ มะเร็งตับ

สำหรับการตรวจสอบของผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะมะเร็งในระยะที่ยังไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นจึงได้มีคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางว่าให้ผู้ป่วยที่กำลังอยู่ในภาวะติดไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง โดยจะเกิดขึ้นกับ เพศชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และเพศหญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะที่เกิดมากจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

  • การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือซี
  • การดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน
  • โรคตับคั่งไขมันจากภาวะอ้วน
  • ตับอักเสบจากภาวะแพ้ภูมิตนเอง
  • โรคตับคั่งน้ำดี

สำหรับบุคคลที่มีภาวะของโรคต่าง ๆ ดังที่กล่าวไป ควรเข้าการรับการตรวจเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง จากการเกิดมะเร็งตับอย่างละเอียดด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยวิธีการตรวจอัลตราซาวนด์หารอยโรคผิดปกติภายในเนื้อตับ หรือเข้าการตรวจสอบร่วมกันกับวิธีการตรวจเลือดวัดระดับ และถ้าหากตรวจแล้วพบความผิดปกติ หรือพบสิ่งที่น่าสนใจ แพทย์จะทำการแนะนำให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉันอย่างละเอียดด้วยเทคโนโลยี ตรวจภาพรังสีของตับเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือภาพเสียงสะท้อนเคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น

อาการของผู้ป่วยเป็น โรคมะเร็งตับ

สำหรับโรคมะเร็งตับ ที่พบโดยผู้ป่วยที่มีอาการเริ่มแรก ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้จะไม่พบอาการที่ผิดปกติแต่อย่างไร จนจะมีอาการของก้อนเนื้อร้ายที่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น จนทำให้ผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้

  • ปวดจุกบริเวณชายโครงขวา หรือช่องท้องส่วนบน
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักตัวลดลง
  • ท้องมาน
  • ขาบวม
  • ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม
  • ตัว และตา จะเหลืองอย่างเห็นได้ชัด หรือดีซ่าน

สำหรับผู้ป่วยที่เกิดอาการดังกล่าวส่วนใหญ่แล้วเมื่อมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มักจะตรวจพบเจอเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่ หรือจะเป็นมะเร็งในช่วงที่อยู่ในระยะลุกลาม เพราะฉะนั้นการเข้าตรวจ และวินิจฉัยมะเร็งตับตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะพบเจอกับอาการที่รุกราม จะสามารถทำให้สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ที่ได้ผลดียิ่งขึ้น